โว้ค พร็อพเพอร์ตี้ ลุยคอนโดต่อเนื่อง “VOQUE PLACE CONDOMENIUM SUKHUMVIT 107”
“โว้ค พร็อพเพอร์ตี้” บริษัทย่อยในกลุ่มอพอลโล่ เดินหน้าพัฒนาคอนโดแนวรถไฟฟ้าต่อเนื่อง ล่าสุดแตกแบรนด์ใหม่ “VOQUE PLACE” ผุดโครงการแรก “VOQUE PLACE CONDOMENIUM SUKHUMVIT 107” มูลค่ากว่า 435 ลบ. แย้มเตรียมงัดแลนด์แบงค์ออกมาพัฒนาโครงการใหม่ในอีก 3-4 ปี รวมถึงเปิดเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์-โรงแรมเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ประจำให้บริษัท
คุณวรเทพ ศรีคุรุวาฬ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อพอลโล่ แอสเส็ท จำกัด และบริษัท โว้ค พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองภายใต้แบรนด์ “VOQUE RESIDENTIAL CONDOMINIUM” มาแล้ว 2 โครงการในซอยสุขุมวิท 16 และในซอยสุขุมวิท 31 ล่าสุด บริษัทได้คว้าที่ดินทำเลในซอยสุขุมวิท 107 หรือซอยแบริ่ง มาพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ “VOQUE PLACE” โดยทุ่มเงินลงทุนมูลค่า 435 ล้านบาท ก่อสร้างโครงการ “VOQUE PLACE CONDOMENIUM SUKHUMVIT 107” (แบริ่ง 2) บริหารงานโดย บริษัท โว้ค พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
“VOQUE PLACE CONDOMENIUM SUKHUMVIT 107” (แบริ่ง 2) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์สไตล์โมเดิร์น คอนเทมโพลารี่ เน้นใช้สีเทาเป็นหลัก ตัวอาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร บนพื้นที่ 1 ไร่ 2 งาน จำนวนห้องชุดทั้งหมด 168 ยูนิต โดยห้องชุดจะมีให้เลือกแบบ 1 ห้องนอน เริ่มที่ 33-40.50 ตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอน เริ่มที่ 47.5-48 ตารางเมตร ขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 70% ส่วนความคืบหน้าของโครงการ ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมโอนให้กับลูกค้าได้ประมาณเดือนมีนาคม ปี 2559
“โครงการเราเปิดมา ณ ตอนนี้ ประมาณ 5 เดือนแล้ว เรามีวิธีการทำคอนโดมิเนียมที่ไม่เหมือนกับรายอื่น คือต้องผ่านการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคารให้เรียบร้อยก่อน เริ่มลงเสาเข็มแล้วถึงจะเปิดขายโครงการ ที่เราทำแบบนี้เพราะต้องการให้ลูกค้ามั่นใจว่า ทางโครงการมีความสามารถพอที่จะสร้างโครงการแล้วจะจบโครงการได้
ในทางกลับกัน หากเราเปิดขายก่อนโดยยังไม่ผ่านการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ใบอนุญาตก่อสร้างอาคารยังไม่ออก ขนาดของอาคารก็มีสิทธิที่จะมีการเปลี่ยนแปลงได้ สมมติว่าทีมงานพิจารณาว่ารูปแบบนี้ไม่เหมาะสม และลูกค้าจ่ายเงินมัดจำมาแล้ว ตอนจบมันต้องเปลี่ยนแปลง เพราะขนาดห้องไม่ได้ มุมห้องไม่ได้ จำนวนห้องไม่ได้ เพราะฉะนั้นวิธีการทำงานของเราใช้เวลาค่อนข้างนาน ตั้งแต่ซื้อที่ดิน ออกแบบ และยื่นสิ่งแวดล้อมและฝ่ายก่อสร้างอาคาร จนได้ใบอนุญาตครบถ้วนทั้งหมด และสามารถเปิดโชว์รูม โดยที่โชว์รูมจะติดรายการไว้ทั้งหมด ว่านี่คือหนังสืออนุมัติสิ่งแวดล้อม อันนี้คือหนังสืออนุมัติของฝ่ายอาคาร ให้ลูกค้ามาดูว่าโฉนดก็อยู่ในชื่อของบริษัทเรียบร้อยแล้ว” คุณวรเทพ กล่าว
คุณวรเทพ กล่าวต่อถึงสาเหตุที่เลือกพัฒนาโครงการในทำเลย่านแบริ่งว่า แบรนด์ VOQUE มีจุดเด่นคือ ทำเลที่ตั้งใกล้สถานีรถไฟฟ้า เนื่องจากมองว่าการเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามีความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน ลดระยะเวลาในการเดินทางได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญคือตำแหน่งที่ดินในแต่ละแปลงมีทางเข้าออกได้หลายทาง เช่น โครงการที่ผ่านมา “VOQUE RESIDENTIAL CONDOMINIUM SUKHUMVIT 16” ด้านหลังสามารถออกซอยไผ่สิงโต ซอยสุขุมวิท 22 หรือถนนพระราม 4 ได้ โครงการ “VOQUE RESIDENTIAL CONDOMINIUM SUKHUMVIT 31” สามารถเข้าจากซอยสุขุมวิท 31 ได้ และออกไปทางมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร, ถนนอโศกมนตรี และถนนเพรชบุรีได้
ส่วนโครงการปัจจุบัน “ VOQUE PLACE CONDOMENIUM SUKHUMVIT 107” มีทางเข้าทางออกได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นสุขุมวิท 107 สุขุมวิท 109 หรือถนนศรีนครินทร์ โดยซอยแบริ่งเป็นซอยชุมชนขนาดใหญ่ มีคอนโดมิเนียมในซอยมากกว่า 20 อาคาร ทั้งสร้างเสร็จแล้วและยังสร้างไม่เสร็จ จากการลงสำรวจพื้นที่พบว่า ซอยแบริ่งเป็นซอยกว้างมีโอกาสเจริญค่อนข้างมาก เพราะว่าการเดินทางโดยรถยนต์สะดวกเนื่องจากเป็นถนน 4 เลน
“จุดเด่นของซอยแบริ่งอีกอย่างคือ มีโรงเรียนเซนต์แอนดรูว์ อินเตอร์เนชั่นแนลสคูล อยู่หน้าปากซอย ที่ไหนมีโรงเรียนและเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่มีจำนวนนักเรียนเยอะก็จะเจริญอยู่แล้ว เพราะผู้ปกครองทั่วไปพยายามจะหาที่อยู่อาศัยที่ใกล้กับโรงเรียน เพื่อให้ลูกหลานสะดวกในการเดินทางมาโรงเรียน โดยไม่ต้องตื่นเช้ามาก ตอนเย็นจะมีเวลาไปเรียนพิเศษหรือว่าออกกำลังกาย มีเวลาในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น ส่วนผู้ปกครองไม่ต้องทุ่มเทเวลาในการไปส่งบุตรหลานแล้วยังต้องไปทำงานต่ออีก
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ แบรนด์ VOQUE จะพยายามอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า เนื่องจากมองว่าการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า เป็นอะไรที่ค่อนข้างสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน เรื่องเวลานั้นเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราสามารถประหยัดเวลาในการเดินทางได้ อะไรๆ ก็ง่ายขึ้น และนี่คือเหตุผลที่เลือกโลเคชั่นที่แบริ่ง” คุณวรเทพ กล่าว
คุณวรเทพ กล่าวต่อว่า การพัฒนาในแต่ละโครงการของบริษัท ได้แยกกลุ่มเป้าหมายไว้เพื่อให้เห็นกลุ่มลูกค้าได้ชัดเจนขึ้น โดยห้องเล็กสุดของโครงการอยู่ที่ 33.5 ตารางเมตร ซึ่งเป็นการสกรีนลูกค้าได้อย่างอัตโนมัติ โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของโครงการนี้จะเป็นผู้ที่ซื้อไปเพื่อใช้งานจริง
“ลูกค้าของโครงการ VOQUE ที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นเอ็นยูสเซอร์จริงๆ ส่วนใหญ่เกิน 80% คือซื้อแล้วจะอยู่อาศัยเอง ไม่ได้ซื้อมาเพื่อเก็งกำไรหรือขายต่อ ด้วยขนาดห้องที่มันเป็น 33.5 ตารางเมตร สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้จริง กลุ่มเป้าหมายหลักก็จะเป็นผู้ปกครองที่ส่งบุตรหลานมาเรียนที่โรงเรียนเซนต์แอนดรูว์ ครูที่สอนอยู่ที่โรงเรียน และกลุ่มคนทำงานที่อยู่บริเวณในเมือง คนทำงานธนาคาร คนที่พึ่งเรียนจบใหม่ที่อยากจะซื้อคอนโดมิเนียมในราคาล้านปลายๆ ห้องเป็นแบบ One Bedroom อยู่ได้จริงมี 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น และก็ห้องครัว ลูกค้าของเราคือกลุ่มนี้เป็นหลัก อายุประมาณ 25 ไม่เกิน 40 ปี ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งจะเป็นกลุ่มที่อัพขึ้นมาคือกลุ่มผู้ปกครองที่ซื้อไว้ให้กับบุตรหลานอยู่อาศัย” คุณวรเทพ กล่าว
{gallery}Biz_Interview/2015/bfi_028/voque/photo{/gallery}
คุณวรเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วง 3-4 ปีต่อจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะนำที่ดินที่มีอยู่ในเมืองออกมาพัฒนาโครงการใหม่ๆ รวมถึงโครงการที่สร้างรายได้ประจำให้กับบริษัทอย่างเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์และโรงแรม โดยในปีนี้ บริษัทเตรียมก่อสร้างเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ในซอยสุขุมวิท 51 ค่าเช่าประมาณ 30,000-40,000 บาทต่อเดือน โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าชาวญี่ปุ่น โดยคาดว่าจะใช้เวลาสร้างเสร็จภายใน 15-20 เดือน
ส่วนโรงแรมจะสร้างโรงแรมสไตล์บูติกขนาด 40 ห้อง บนที่ดินในย่านสุรวงศ์ คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี และโรงแรมไอบิส สไตล์ แบงคอก พระโขนง (Ibis Styles Bangkok Phra Khanong) เป็นอาคารโรงแรมสูง 25 ชั้น จำนวน 255 ห้อง อยู่ตรงข้าม ถนนสุขุมวิท 71 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขออนุญาตการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)