July 20, 2025

เอ.ดี เฮ้าส์เทงบกว่า 3 พันลบ. เนรมิตเดอะ แกรนด์จอมเทียน / Issue 028, May 2015

User Rating: 3 / 5

Star ActiveStar ActiveStar ActiveStar InactiveStar Inactive
 

เอ.ดี เฮ้าส์เทงบกว่า 3 พันลบ. เนรมิตเดอะ แกรนด์จอมเทียน

เอ.ดี เฮ้าส์ทุ่มงบกว่า 3 พันลบ. ผุดโครงการเดอะ แกรนด์จอมเทียน คอนโดมิเนียม พร้อมเดินหน้าเปิด 3 โครงการคุณภาพกรุงเทพฯ หัวหิน และพัทยา มูลค่าโครงการรวมประมาณ 2 หมื่นลบ. เล็ง Grand Opening มิ.ย. 58

ดร.ธชย ภาพิบูลสถาพร ผู้บริหาร บริษัท เอ.ดี เฮ้าส์ จำกัด เปิดเผยรายละเอียดโครงการเดอะ แกรนด์จอมเทียน คอนโดมิเนียมว่า เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อปี 2555 ที่ผ่านมา โดยตั้งอยู่ที่ถนนจอมเทียนสาย 2 บนพื้นที่ประมาณ 7 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 3,000 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคารสูง 31 ชั้น 2 อาคารจำนวนรวม 1,500 ยูนิต, อาคารสูง 4 ชั้น 1 อาคาร และอาคารสำนักงาน 4 ชั้น 1 อาคาร ปัจจุบันมีความคืบหน้าในการก่อสร้าง 80% คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2558

บริษัทเริ่มเปิดการขายเมื่อปี 2555 ที่ผ่านมา ล่าสุดขายได้เกือบหมดแล้ว โดยได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีมาก เนื่องจากราคาที่เหมาะสมคุ้มค่า และจะทยอยโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าทั้งหมดภายในปลายปีนี้ ส่วนกลุ่มเป้าหมายคือลูกค้าระดับกลางขึ้นไปและนักลงทุน ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ 80% เช่น ยุโรป รัสเซีย เป็นต้น

สำหรับอุปสรรคที่พบในการก่อสร้างมีบ้างเล็กน้อย คือเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี 2554 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้าง เช่น อิฐมวลเบา เป็นต้น เพราะโรงงานที่ผลิตวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้างได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม และต้องใช้ในเวลาในการฟื้นฟู ด้านแนวทางในการแก้ไขได้พยายามหาอุปกรณ์มาใช้ทดแทน เพื่อจะได้ส่งมอบงานให้กับลูกค้าได้ทันเวลาตามที่กำหนด

ส่วนจุดเด่นของโครงการเดอะ แกรนด์จอมเทียน คอนโดมิเนียมคือศักยภาพของทำเล โดยตั้งอยู่ห่างจากทะเลไม่มาก สามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างสวยงาม เนื่องจากคอนโดมิเนียมได้ยกระดับพื้นให้ชั้น 1 สูงเท่ากับอาคารสูง 4 ชั้นจึงทำให้สามารถมองเห็นทะเลได้ทุกยูนิต

ด้านการออกแบบคอนโดมิเนียมของบริษัทจะเน้น 1 แบบต่อ 1 โปรเจค และตัวอาคารเป็นกระจกทั้งหมด ทำให้สามารถมองวิวทิวทัศน์ได้แบบพาโนราม่า นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำลอยฟ้าที่สูง 4 ชั้น และที่จอดรถส่วนตัวบนอาคารพิเศษเพื่อป้องกันความปลอดภัยให้กับลูกค้าร่วมด้วย

ดร.ธชย กล่าวต่อถึงแผนการลงทุนในปี 2558 ว่า บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ ประกอบด้วย กรุงเทพฯ  หัวหิน และพัทยา โดยเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น เน้นสิ่งอำนวยความสะดวก โดยมีสระว่ายน้ำและสวนน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในโครงการ ราคาเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวมประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะ Grand Opening ทั้ง 3 โครงการในเดือนมิถุนายน 2558 ที่จะถึงนี้

 

 

“โครงการในกรุงเทพฯ จะดำเนินการภายใต้ชื่อ  A.D Bangkok (RAMA 5) จำนวน 5 อาคาร มี 952 ยูนิต ส่วนโครงการที่พัทยาคือ BLUE OCEAN (PATTAYA) จำนวน 9 อาคาร  1,848 ยูนิต สำหรับโครงการสุดท้ายชื่อโครงการ The Water Beach (HUA-HIN)  จำนวน 12 อาคาร  2,317 ยูนิต” ดร.ธชย กล่าว

 ส่วนจุดเด่นทั้ง 3 โครงการคือราคาที่เหมาะสมและมีโปรโมชั่นที่ดีน่าสนใจให้ลูกค้าได้ตัดสินใจเลือกซื้อได้แบบสุดคุ้ม โดยมีโปรโมชั่นซื้อ 1 ยูนิต แถมฟรีอีก 1 ยูนิต เลือกได้ 2 ทะเล 3 เมือง คือ กรุงเทพฯ-พัทยา-หัวหิน ซึ่งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้กับลูกค้าเพื่อไปพักผ่อนอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีสวนน้ำและสกายวอล์คเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้าอีกด้วย

โดยทั้ง 3 โครงการจะมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ อาทิ โทรทัศน์, หนังสือพิมพ์ และอินเตอร์เน็ต เป็นต้น ส่วนด้านการตลาดจะเน้นการจัดโปรโมชั่นให้กับลูกค้าแบบสุดคุ้มและมีการออกบูธเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการให้กับลูกค้าได้รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท

“เราจะเน้นโปรโมชั่นที่คุ้มค่า เรามีจุดเด่นด้านราคาที่เหมาะสม แต่ให้มากกว่าและเน้นการดีไซน์ที่แปลกใหม่เพราะลูกค้าชอบสิ่งใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราจึงต้องเน้นการออกแบบคอนโดมิเนียม 1 แบบต่อ 1 โปรเจคเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า” ดร.ธชย กล่าว

ส่วนแนวโน้มการตลาดในด้านอสังหาริมทรัพย์ปี 2558 ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามคอนโดมิเนียมที่มีราคาสูงอาจจะขายได้ยาก แต่คอนโดมิเนียมในราคาทั่วไปยังขายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากลูกค้ายังมีความต้องการสูงเพราะมองว่าที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยที่ 5

ด้านปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจประกอบด้วย  1. คู่แข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น เช่น พัทยา หัวหิน เป็นต้น ดังนั้นจึงต้องนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้าพึงพอใจมากที่สุด  2. ธนาคารคุมเข้มในการปล่อยสินเชื่อ ดังนั้นจึงต้องขายในราคาที่เหมาะสม  3. คอนโดมิเนียมที่ออกสู่ตลาดในปัจจุบันมีปริมาณมาก ลูกค้าจึงมีการเปรียบเทียบในการตัดสินใจซื้อมากขึ้น ส่งผลให้การตัดสินใจซื้อชะลอเพื่อเลือกในสิ่งที่ต้องการและคุ้มค่ามากที่สุด

ส่วนแนวทางแก้ไขคือบริษัทจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและรักษาฐานลูกค้าเดิมให้คงอยู่ ในขณะเดียวกันก็เพิ่มลูกค้าใหม่ร่วมด้วย ส่วนแผนในอนาคตมีแผนที่จะไปขายโครงการในต่างประเทศ โดยผ่านทางเอเจนซี่ ซึ่งจะเดินทางไปจัดอีเว้นท์ในประเทศต่างๆ  อาทิ ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ เป็นต้น โดยจะเริ่มดำเนินการในอีก 2 ปีข้างหน้า ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการศึกษาข้อมูลเพื่อดำเนินการ

ดร.ธชย กล่าวต่อว่า การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปลายปีนี้ บริษัทจะได้รับผลดีคือการเพิ่มช่องทางให้นักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อคอนโดมิเนียมและปล่อยเช่าให้นักท่องเที่ยวได้ ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ในอนาคต รวมทั้งจะส่งผลดีในด้านการทำงาน โดยจะมีการแลกเปลี่ยนในระดับหัวหน้างาน ส่งผลให้การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นด้วย ด้านการแข่งขันค่อนข้างจะรุนแรง แต่ไม่ได้เป็นกังวลเนื่องจากบริษัทขายคอนโดมิเนียมในราคาตลาดทั่วไปและมอบสินค้าที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า

ด้านหลักการบริหารตนจะพยายามสร้างทีมขายที่มีความมั่นคง เพื่อจะเติบโตได้ระยะยาวในอนาคต ดังนั้นสิ่งแรกที่จะให้ลูกค้าคือความจริงใจและสร้างพนักงานทุกคนให้มีประสิทธิภาพสูงในการทำงานด้านการบริการลูกค้าและดูแลลูกค้าอย่างทั่วถึง รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับรายละเอียดโครงการแก่ลูกค้าอย่างถูกต้อง

“เราต้องการให้ลูกค้าเชื่อมั่นว่าเราใส่ใจทุกรายละเอียดเพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการระดับมาตรฐาน เมื่อมาซื้อคอนโดมิเนียมกับเรา และได้รับทราบข้อมูลโครงการในเรื่องที่ถูกต้องตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ดังนั้นเราก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีทั้งต่อบริษัทและลูกค้า” ดร.ธชย กล่าว

ดร.ธชย กล่าวในตอนท้ายถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร (CSR) ว่า บริษัทจะจัดทำกิจกรรม CSR เพิ่มมากขึ้น โดยในปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินการหลายโครงการ เช่น การบริจาคของ, ปลูกป่า และเลี้ยงอาหารคนพิการ เป็นต้น ซึ่งตนมองว่าเป็นสิ่งที่ดีเนื่องจากการทำ CSR เป็นสิ่งที่ให้โอกาสสำหรับผู้ด้อยโอกาสและเป็นการคืนกำไรสู่สังคมที่จะสามารถพัฒนาสังคมและประเทศให้ยั่งยืนในอนาคต

อนึ่ง บริษัท เอ.ดี เฮ้าส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตมายาวนานกว่า 10 ปี โดยมีการขยายธุรกิจอยู่ทั่วทุกภาคส่วนของประเทศซึ่งสามารถตอบสนองและยกระดับการใช้ชีวิตของผู้บริโภค ไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นภายใต้เส้นทางที่มั่นคงของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ในการลงทุนโครงการต่างๆ ที่ผ่านมามากกว่า 100,000 ยูนิต ไม่ว่าจะเป็น คอนโดมิเนียม, วิลล่า, ทาวน์โฮม และอื่นๆ โดยสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ยืนยันถึงความสำเร็จและความมั่นคงของบริษัทและองค์กร ปัจจุบันบริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพธุรกิจและองค์กร โดยมุ่งเน้นความพึงพอใจและผลกำไรตอบแทนของผู้บริโภคทั่วโลกเป็นหลักสำคัญ

Page Visitor

016688402
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
2999
10720
113522
300150
407210
16688402
Your IP: 216.73.216.73
2025-07-20 07:58
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.