MMS เปิดเกมรุกเร่งขยายสาขารับ AEC
MMS อัดงบ 15-20 ลบ. ผุดสาขาล่าสุดที่จังหวัดอุบลราชธานี รับ AEC เตรียม Grand Opening เม.ย.นี้ เล็งเป้าปีนี้กว่า 400 ลบ. พร้อมลั่นภายในปี 59 ปักธงครบ 24 สาขา
คุณสุเมธ ใจโต กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MMS ผู้ให้บริการศูนย์รถยนต์ครบวงจร สำหรับรถที่หมดระยะรับประกัน "เอ็มเอ็มเอส บ๊อชคาร์เซอร์วิส" ในเครือบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีศูนย์บริการ MMS ทั้งหมด 11 สาขา โดยตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ 7 สาขา และต่างจังหวัด 4 สาขา ซึ่งประกอบด้วย ระยอง, บางแสน, พัทยา และอุบลราชธานี
สำหรับสาขาบางแสนและพัทยาได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 23-24 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ส่วนสาขาล่าสุดในจังหวัดอุบลราชธานีซึ่งเป็นสาขาที่ 11 จะตั้งอยู่ด้านหลังเซ็นทรัลเฟสติวัล จังหวัดอุบลราชธานี ใช้งบประมาณในการดำเนินการ 15-20 ล้านบาทโดยได้ Soft Opening ไปแล้วเมื่อเดือนตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าในจังหวัด ส่วนการ Grand Opening กำหนดไว้ประมาณเดือนเมษายน 2558 ที่จะถึงนี้
นอกจากนี้ บริษัทจะพยายามปรับทัศนคติของลูกค้าให้เข้าใจว่าบริษัทเป็นศูนย์บริการครบวงจรสำหรับรถหมดระยะรับประกัน โดยเมื่อลูกค้าหมดประกันกับศูนย์รถแล้วก็สามารถเข้ามารับการบริการกับศูนย์บริการของบริษัทได้ โดยจะมีราคาถูกกว่าศูนย์บริการที่จำหน่ายรถยนต์อย่างน้อย 20% แต่คุณภาพเทียบเท่ากัน และใช้สินค้า รวมทั้งอะไหล่ผ่านมาตรฐานจากโรงงานผู้ผลิต
“สาขาที่อุบลฯ จะตั้งอยู่ บริเวณพื้นที่จอดรถด้านหลัง เซ็นทรัลพลาซ่า ดังนั้นเมื่อลูกค้านำรถเข้ามารับการบริการกับเราก็สามารถนำรถมาทิ้งไว้ที่เราได้ ในช่วงที่เราทำการซ่อมรถ ลูกค้าสามารถเดินไปช้อปปิ้งหรือทานอาหารแบบสบายๆ โดยไม่ต้องมานั่งรอซ่อมรถ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราคิดเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้รับการบริการอย่างเต็มที่” คุณสุเมธ กล่าว
คุณสุเมธ กล่าวต่อว่า สาขาต่อไปที่จะเปิดเป็นสาขาที่ 12 คาดว่าจะเปิดที่ฝั่งธนบุรี กรุงเทพฯ หรือในหัวเมืองต่างจังหวัดใหญ่ๆ นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเปิดที่ภาคใต้ในจังหวัดภูเก็ต สำหรับเหตุผลที่เลือกจังหวัดภูเก็ตเนื่องจากพิจารณาจากศักยภาพในด้านทำเล และปริมาณกลุ่มผู้บริโภคซึ่งมีความต้องการใช้รถเป็นจำนวนมาก ดังนั้นบริษัทจึงต้องการที่ตอบสนองทางด้านบริการให้กับลูกค้าในจังหวัดภูเก็ตให้ได้รับการบริการที่ดีอย่างเต็มที่
ด้านหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเลือกทำเลการเปิดสาขาจะพิจารณาจากพฤติกรรมการใช้รถของผู้บริโภคในปัจจุบันว่ามีความต้องการมากน้อยเพียงใด และเมื่อบริษัทไปเปิดสาขาในสถานที่ใดจะเน้นการบริการเพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดเมื่อมาใช้บริการกับบริษัท ส่วนแนวโน้มการให้บริการทั่วๆ ไปจะพยายามให้เข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้นเป็นหลัก โดยจะโฟกัสไปที่ศูนย์คอมมูนิตี้มอลล์เพราะลูกค้าสามารถไปเดินช้อปปิ้งได้ขณะเอารถมาใช้บริการกับบริษัท
สำหรับเป้าผลประกอบการในปี 2558 ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณกว่า 400 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้เนื่องจากมีการขยายสาขาและการตอบรับจากลูกค้าผ่านการทำโปรโมชั่นต่างๆ ส่วนจุดเด่นของบริษัทคือเป็นธุรกิจที่เป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคในราคาที่คุ้มค่าและเหมาะสม และเป็นธุรกิจของคนไทยจึงสามารถปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้อย่างเต็มที่เนื่องจากทราบความต้องการของคนในประเทศได้เป็นอย่างดี
คุณสุเมธ กล่าวต่อถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทว่า ภายในปี 2559 คาดว่าจะสามารถเปิดสาขาได้ครบ 24 แห่ง โดยจะคลอบคลุมในพื้นที่หลักของกรุงเทพมหานคร และคลอบคลุมในจังหวัดใหญ่ๆ ที่มีประชากรผู้บริโภคอยู่เยอะ ซึ่งจะใช้งบลงทุนรวมประมาณกว่า 200 ล้านบาท สำหรับสาขา Stand Alone ใช้งบประมาณ 20-25 ล้านบาท/แห่ง แต่ถ้าอยู่ในคอมมูนิตี้มอลล์และสถานีบริการเชื้อเพลิงจะใช้งบประมาณ 10-15 ล้านบาท/แห่ง
สำหรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC นับว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับบริษัทเนื่องจากบริษัทมีสาขาที่อุบลราชธานี โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร และต่อไปจะตั้งที่จังหวัดภูเก็ตดังนั้นในอนาคตจะกระจายในด้านการส่งสินค้าและมาตรฐานได้เท่าเทียมกันในทุกสาขา ซึ่งเป็นเป้าหมายที่จะตอบสนองผู้บริโภคได้ทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านได้เป็นอย่างดี
ด้านหลักการบริหารงาน บริษัทมีวัตถุประสงค์หลักที่ยึดถือปฏิบัติเสมอมาประกอบด้วย 1. การทำธุรกิจจะต้องดึงลูกค้าเพื่อมาอยู่ในจุดศูนย์กลางของบริษัท 2. การทำธุรกิจจะต้องจริงใจเชื่อใจซึ่งกันและกันกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้องกับบริษัท 3. การบริหารการจัดการต้องบริหารอย่างยุติธรรม 4. การสร้างแนวคิดให้พนักงานทำงานเสมือนเป็นธุรกิจของตนเองเพื่อที่จะได้เติบโตไปด้วยกัน