คุณศรายุทธ น่าชม กรรมการผู้จัดการ บริษัท วายเอ็มเอ อินซูเลเตอร์ โปรไวเดอร์ จำกัด หรือ YMA

คุณศรายุทธ น่าชม กรรมการผู้จัดการ บริษัท วายเอ็มเอ อินซูเลเตอร์ โปรไวเดอร์ จำกัด หรือ YMA กล่าวว่า YMA เริ่มต้นจากประสบการณ์ในการสร้างและซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าในเขตอุตสาหกรรมทุกที่ทั่วประเทศไทย พร้อมทั้งมีทีมช่างชำนาญการหลายแขนงในด้านโรงไฟฟ้ามารวมตัวกัน จึงทำให้มีการจัดตั้ง บริษัท วายเอ็มเอ อินซูเลเตอร์ โปรไวเดอร์ จำกัด ขึ้นมาเพื่อรับงานติดตั้งโรงไฟฟ้าและซ่อมบำรุง รวมถึงงานบริการต่างๆ ในโรงไฟฟ้า โดยลูกค้าหลักของบริษัทจะเป็นโรงไฟฟ้าในเครือ บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) และกลุ่มโรงไฟฟ้ารายอื่นๆ ในประเทศไทย

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านคุณภาพการดำเนินงาน ผลประกอบการ รวมถึงบุคลากรในองค์กร กระทั่งบริษัทกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้บริษัทเติบโตนั้น เนื่องมาจากศักยภาพของบริษัท ด้วยอุปกรณ์การทำงานที่ครบครัน มีการจัดหาวัสดุอะไหล่ในงานซ่อมแบบรวดเร็ว มีวิศวกรที่ชำนาญการสามารถตอบโจทย์และให้คำปรึกษาลูกค้าได้ตามต้องการ สำหรับในปี 2563 แม้จะเป็นปีที่เกิดโรคระบาดขึ้น (โควิด-19) แต่บริษัทยังมีงานและรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลงานที่มีคุณภาพ และบริการที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าทำให้ปี 2563 บริษัทมีรายได้ทะลุเกิน 100 ล้านบาท

“สถานการณ์โควิด-19 ถึงแม้จะส่งผลกระทบมากมาย แต่สำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทเรากลับเป็นตรงกันข้าม เพราะเรามีงานที่เยอะขึ้น เนื่องจากงานติดตั้งที่ตามปกติจะมีบริษัทในกลุ่มธุรกิจเดียวกันทั้งไทยและต่างชาติ อย่างเช่นจีน ซึ่งโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่จะนำเข้าเครื่องจักรจากจีนมาใช้ พร้อมกับต้องใช้ทีมช่างจากจีนเพื่อทำการติดตั้ง แต่เมื่อมีสถานการณ์โควิด-19 เกิดขึ้น ทีมที่ติดตั้งก็ไม่สามารถเข้ามาในประเทศได้ จึงถือเป็นโอกาสที่ดีของบริษัท เพราะเราได้สร้างทีมช่างคุณภาพที่ล้วนมีประสบการณ์ไว้มากมาย โดยผลงานล่าสุดของเราคือ โรงไฟฟ้าขยะ จังหวัดกระบี่ ซึ่งเราได้ทำการติดตั้งเสร็จสิ้นตามกำหนด ในระยะเวลาติดตั้งเครื่องจักร 5 เดือน รวมงานเก็บรายละเอียดทั้งหมด อีกทั้งยังมีในส่วนงานซ่อมบำรุง ที่ประสบความสำเร็จอีกหลายโครงการ จนทำให้ลูกค้าสามารถเพิ่มวันผลิตไฟฟ้าได้เร็วขึ้น ฉะนั้นเราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราดำเนินงานด้วยมาตรฐาน และความเชี่ยวชาญของบุคลากรแต่ละจุดงานได้อย่างมีคุณภาพ” คุณศรายุทธกล่าว

คุณศรายุทธ เปิดเผยว่า ไม่ว่าจะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตใดๆ บริษัทยังคงมีเป้าหมายที่ต้องเติบโตไปข้างหน้าพร้อมคุณภาพงานเสมอ ซึ่งในปี 2564 เราได้ตั้งเป้ารายได้ไว้มากกว่าเดิม 3-4 เท่า หรือประมาณ 300-400 ล้านบาทขึ้นไป และแน่นอนบริษัทต้องรับงานโรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทกำลังติดตั้ง Boiler, ESP, Refractory, Insulation และ Stack ที่โรงไฟฟ้าคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ และมีอีกหลายงานที่เสนองานติดตั้งและซ่อมบำรุงเข้ามา ซึ่งคาดว่ารายได้ปีนี้น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แน่นอน

สำหรับแผนการดำเนินงาน ปัจจุบันบริษัทกำลังขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น โดยสร้างช่างคุณภาพขึ้นมาเพื่อรองรับงานที่ได้รับให้ทันเวลาและตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้า รวมถึงจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือให้พร้อมเพื่อให้งานเสร็จรวดเร็วขึ้น ขณะเดียวกันในส่วนของแผนการลงทุนใหม่ๆ หรือการขยายงานด้านอื่นๆ นั้น บริษัทได้มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนมากถึง 100 ล้านบาท เพื่อให้สามารถรองรับงานสร้างโรงไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยบริษัทมีแผนรับออกแบบและสร้างโรงไฟฟ้าครบวงจร Energy Performance Contract (EPC) พร้อมรับงานควบคุมเดินเครื่องโรงไฟฟ้า Operate & Maintenance (O&M) เพิ่มขึ้นด้วย

“ตอนนี้เรามองว่าโรงไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นมากมายในอนาคต จะมีทั้งงานสร้างและงานซ่อมบำรุง บริษัทจึงมีกลยุทธที่ว่าองค์กรเรามีจุดเด่นเรื่องเวลาการทำงานและทีมช่างคุณภาพ เราจะต้องเข้าไปเจาะตลาดโรงไฟฟ้าขยะซึ่งเป็นผลงานดีเด่นของเราที่ผ่านมา รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าชีวมวล โดยนำเสนอเรื่องการสร้างและซ่อมตามกำหนดเวลาหรือเร็วขึ้นภายใต้งานที่มีคุณภาพ และรับประกันงานให้ลูกค้าพร้อมบริการฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราก็มีงานที่กำลังทำ ซึ่งแต่ละโครงการมีมูลค่าหลายสิบล้านบาท อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร และงานซ่อมบำรุงประจำปีทุกโรงในเครือ ACE ที่เราได้บิดราคาเป็นรายปีไว้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ยังมีเครือ TPIPL, เครือโรงงานผลิตกระดาษที่เราได้เข้าไปรับงานซ่อมบำรุงอีกหลายที่ เรามุ่งหวังว่าในอนาคตเราจะต้องเข้าไปรับงานสร้างโรงงานให้กับเครือดังกล่าว รวมถึงเครืออื่นๆ ได้อย่างแน่นอน” คุณศรายุทธกล่าว

ด้านแนวโน้มธุรกิจในตลาด คุณศรายุทธ กล่าวว่า การใช้ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อชีวิตของผู้คน โดยจะเกิดขึ้นอีกมากมายควบคู่กับความเจริญของบ้านเมือง และระบบการขนส่งไฟฟ้า อย่างเช่นเทรนด์ในขณะนี้ ที่มีหลายบริษัททำรถไฟฟ้าขึ้นมา ซึ่งสิ่งที่ต้องตามมาคือสถานีไฟฟ้า และกำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นแน่นอน ดังนั้นธุรกิจของเราจะเป็นตัวตอบโจทย์ทั้งงานสร้างและงานซ่อมบำรุงให้กับโรงไฟฟ้าที่กำลังจะเกิดขึ้น ตามตลาดไฟฟ้าที่กำลังมาแรงด้วย

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีจุดแข็งสำคัญที่แตกต่างจากบริษัทอื่นในธุรกิจเดียวกัน คือเรื่องของเวลา โดยเราจะมีคำกล่าวที่ว่า “หนึ่งวันของลูกค้ามีค่าเสมอ” ซึ่งบริษัทพยายามสื่อสารกับลูกค้ามาโดยตลอด เพราะงานที่ผ่านมาเราได้ทำสถิติการทำงานทันเวลา และเสร็จเร็วก่อนกำหนด 100% เต็ม ภายใต้ผลงานที่มีคุณภาพ พร้อมกับการให้บริการที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้ตลอดเวลา จึงทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี

ที่สำคัญบุคลากรของบริษัทยังเต็มไปด้วยศักยภาพและความเชี่ยวชาญ เนื่องจากได้รับการฝึกทักษะและอบรมวิธีการทำงานที่ถูกต้องอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นงานติดตั้ง Boiler, Piping, ESP, Refractory and Insulation ทั้งนี้ บริษัทมีความใส่ใจอย่างมากในการควบคุมคุณภาพของงานทุกโครงการให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งมีเอกสารและระบบในการควบคุมงานเชื่อมโยงกัน อย่างเช่น การจัดทำ WPS/PQR และมีการจัดสอบช่างเชื่อมตามมาตรฐาน

นอกจากนี้ บริษัทยังโดดเด่นอย่างยิ่งในเรื่องของนวัตกรรม เทคโนโลยี และเครื่องมืออุปกรณ์ ที่มาช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทได้จัดสร้างโรงงานสำหรับผลิตชิ้นส่วนที่ใช้ในงานซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า เช่น เครื่องดัดท่อ (Bending pipe) สำหรับดัด Superheat, Eco, Water wall, และเครื่องตัดแผ่นเหล็ก CNC, เครื่องม้วนเหล็ก พร้อมทั้งเครื่องมือตู้เชื่อมอาร์กอน, ไฟฟ้า และอุปกรณ์อื่นที่เพียงพอสำหรับงานติดตั้งและการขยายธุรกิจ

“ทั้งนี้ องค์กรของเราจะให้ความสำคัญกับพนักงานในองค์กรทุกคนแล้ว ด้วยการดูแลเสมือนครอบครัว และเรายังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการตอบแทนสังคม โดยสิ่งที่เราทำมาโดยตลอด เช่น สร้างที่พักให้ผู้ยากไร้ สร้างอาคารเรียน สนับสนุนกีฬาฟุตบอลและกีฬาทุกประเภท มอบไฟฟ้าแสงสว่างตามทางเพื่อให้การสัญจรมีความสะดวกเพิ่มขึ้น ซึ่งการตอบแทนคืนสู่สังคมส่วนมากก็มาจากผลกำไรของบริษัท และหากลูกค้าใช้บริการ บริษัท วายเอ็มเอ อินซูเลเตอร์ โปรไวเดอร์ จำกัด ก็เท่ากับท่านได้มอบสิ่งดีดีให้กับสังคมเช่นกัน” คุณศรายุทธกล่าวทิ้งท้าย

www.facebook.com/YMA