Biz Focus Magazine เป็นนิตยสารรายเดือนที่ร่วมส่งเสริมนักธุรกิจ นักลงทุน และผู้ประกอบการภาคธุรกิจอุตสาหกรรม
ทั้งในและต่างประเทศ เชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างภาครัฐ - เอกชน และนักลงทุน
+(662) 399-1388
editor@bizfocusmagazine.com
“สตาร์เฟล็กซ์” โชว์จุดแข็งด้านนวัตกรรม - ซัพพลายเชน - Global Sourcing พร้อมรุกตลาด CLMV
เปิดวิสัยทัศน์ “ปรินทร์ธรณ์ อภิธนาศรีวงศ์” ประธานกรรมการบริหารสตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจด้วยนวัตกรรม - ซัพพลายเชน - Global Sourcing เตรียมบุกตลาด CLMV ในอนาคต ส่วนแผนธุรกิจปี 2564 ตั้งเป้าโต 10-15% พร้อมควัก 300 ล้าน ขยายโรงงาน เพิ่มกำลังการผลิต 40-50% ขึ้นแท่นผู้นำธุรกิจ Flexible Packaging ในไทย
คุณปรินทร์ธรณ์ อภิธนาศรีวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX
คุณปรินทร์ธรณ์ อภิธนาศรีวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทมาจนถึงปัจจุบัน สตาร์เฟล็กซ์ได้ประสบความสำเร็จและเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทถือเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน หรือ Flexible Packaging ที่มีคุณภาพการันตีด้วยการได้รับการรับรองมาตรฐานสากล อาทิ มาตรฐาน FSSC 22000 (Food Safety System Certification 22000), มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practices), มาตรฐาน HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Point) รวมถึงมาตรฐาน URSA (SEDEX) ทั้งยังพร้อมด้วยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และมากประสบการณ์ เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่
สตาร์เฟล็กซ์มีจุดเด่นสำคัญที่ถือเป็นความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจจนเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ประการแรกคือเรื่องของนวัตกรรม ซึ่งบริษัทได้ใช้นวัตกรรมในการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์เทรนด์ และเมกะเทรนด์ในอนาคต อาทิ ในเรื่องของการย่อยสลาย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีคุณลักษณะที่ดี ตรงตามความต้องการของตลาด รวมถึงจุดแข็งในเรื่องของซัพพลายเชน เนื่องจากการดำเนินงานของสตาร์เฟล็กซ์ไม่ใช่แค่การผลิตสินค้าด้วยนวัตกรรมที่ดีหรือมีคุณภาพที่ดีเท่านั้น แต่ยังช่วยควบคุมต้นทุนระหว่างทาง ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำให้กับลูกค้าด้วย
นอกจากนี้ยังมีในเรื่องระบบ Global Sourcing ที่เป็นการสั่งซื้อวัตถุดิบที่มีเครือข่ายทั่วโลก ซึ่งสตาร์เฟล็กซ์มีการสำรวจพาร์ทเนอร์หรือซัพพลายเออร์ใหม่ๆ อยู่ตลอด ทำให้ต้นทุนต่างๆ ในการดำเนินงานเกิดความเสถียรและสามารถรักษาการเติบโตในแง่ของกำไรได้ ขณะเดียวกันบริษัทยังได้รับรางวัลต่างๆ ที่ถือเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสตาร์เฟล็กซ์ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้รับรางวัลจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้เป็นหนึ่งในสถานทำงานที่น่าทำงาน (Happy Workplace) และรางวัลองค์กรคุณธรรมที่มีการดำเนินงานอย่างถูกต้องโปร่งใส มีจริยธรรม สามารถดูแลพนักงานรวมไปถึงคอมมูนิตี้ที่อยู่รอบข้างบริษัทให้สามารถตอบสนองความต้องการของ Stakeholders ได้อย่างมีเหตุผลและเป็นธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่สตาร์เฟล็กซ์ทำมาตลอด และนับเป็นจุดแข็งที่สำคัญของบริษัทด้วย
“หากพูดถึงเรื่อง ESG (Environmental, Social, and Governance) ที่เป็นกรอบการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ในตลาดหลักทรัพย์จะถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ซึ่งการที่เราแคร์ในเรื่องของคน ชุมชนที่เราอยู่ สิ่งแวดล้อม รวมไปถึงความโปร่งใสต่างๆ มันเป็นจุดแข็งของเราเลย และผมคิดว่าเราน่าจะต่างจากคนอื่นค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามเราเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดฯ ฉะนั้นในแง่ของการระดมทุน เรามีแหล่งเงินทุนที่หลากหลายที่จะสามารถทำให้เราโตไปข้างหน้า และมีโอกาสที่จะไปต่อยอดได้มากกว่า นี่จึงเป็นจุดแข็งของเราในแง่ของการเงินด้วย” คุณปรินทร์ธรณ์กล่าว
คุณปรินทร์ธรณ์ กล่าวว่า ในการดำเนินธุรกิจทุกวันนี้ จะเจอคำว่า Next Normal ที่มันเปลี่ยนไปจากที่เคยเป็นในอดีต ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นและกินระยะเวลานาน จนกระทบกับการดำรงชีวิต ไลฟ์สไตล์ก็เปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นการที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้อาจต้องมองสถานการณ์ต่อไปข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น และจะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง สตาร์เฟล็กซ์ก็มีการเตรียมการไว้สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเช่นกัน โดยในปัจจุบันธุรกิจของเราอาจรองรับเฉพาะในประเทศไทย แต่ในอนาคตเรามองไปที่ตลาด CLMV ซึ่งเรามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า เพราะฉะนั้นถ้าใช้คอนเซ็ปต์ของซัพพลายเชนและนวัตกรรม ผนวกกับการอัปเดตเรื่องเมกะเทรนด์ก็คาดว่าสตาร์เฟล็กซ์น่าจะเติบโตได้อย่างยั่งยืน
สำหรับการดำเนินงานในปี 2564 สตาร์เฟล็กซ์ได้ลงทุนกว่า 300 ล้านบาท เพื่อขยายโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิตที่โรงงานอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งการลงทุนแบ่งเป็นการก่อสร้างและอุปกรณ์ 200 ล้านบาท และซื้อเครื่องจักรใหม่อีก 100 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 1 ปี 2565 ในส่วนต่อขยายจะมีการเพิ่มไลน์การผลิตสำหรับฟิล์มเกรดไฮเอนด์ รวมถึงศูนย์นวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์ด้วย เนื่องจากเทรนด์ในตลาดวันนี้มุ่งไปที่เรื่องของการรีไซเคิล และกรีนมาร์เก็ตติ้งเป็นหลัก จึงต้องมาเน้นที่บรรจุภัณฑ์เกรดพรีเมี่ยมให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถซัพพอร์ตเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าว่ากำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้น 40-50% จากเดิม เพื่อที่จะรองรับยอดขายที่โตขึ้นในปีนี้ ส่วนในปี 2565 สตาร์เฟล็กซ์ก็มีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเครื่องจักรใหม่อีกด้วย
นอกจากนี้ สตาร์เฟล็กซ์ยังมีกลยุทธ์การขยายตลาดเชิงรุกทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยในการผลักดันให้มีคำสั่งซื้อที่สูงขึ้น พร้อมกับการขยายฐานลูกค้ากลุ่ม Food และกลุ่ม Non-Food มากขึ้น โดยคาดว่าปีนี้จะมีสัดส่วนเท่ากับ 25% และ 75% ตามลำดับ อีกทั้ง บริษัทได้มีการขยายตลาดบรรจุภัณฑ์เกรดพรีเมี่ยมไปสู่กลุ่มเครื่องมือแพทย์ ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้นสูง ทำให้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน มีการคาดการณ์จากบริษัทข้ามชาติว่าภายในปี 2568 ร้อยละ 50 ของโปรดักต์ทั้งหมดจะต้องสามารถรีไซเคิลได้ ซึ่งสตาร์เฟล็กซ์ก็มีแผนที่จะดำเนินการในส่วนนี้เช่นกัน โดยบริษัทก็ได้มีโอกาสไปร่วมทำรีเสิร์ชกับทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อพัฒนาฟิล์มเกรดไฮเอนด์ ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการทำวิจัยร่วมกันกับมหาวิทยาลัยเกษตร ที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นเยอรมัน อิตาลี เบลเยียม และออสเตรเลีย ซึ่งโปรเฟสเซอร์เหล่านี้ก็เป็นผู้ที่มองเทรนด์กับเมกะเทรนด์ของโลกด้วย
คุณปรินทร์ธรณ์ กล่าวถึงเป้าหมายการเติบโตในปี 2564 ว่า บริษัทวางเป้าการเติบโตไว้ 2 ส่วน ส่วนแรกคือยอดขายที่เป็นออแกนิค ซึ่งคาดว่าจะโตเฉลี่ยประมาณ 10-15% โดยกำไรจะได้รับอานิสงส์จากการได้รับการส่งเสริมการลงทุน BOI เข้ามาช่วยเสริมเพิ่มเติม และต่อจากนี้ไปอีก 3 ปี คาดว่าจะโตได้เฉลี่ยปีละ 15% ส่วนที่สองคือการเติบโตใน CLMV ซึ่งสตาร์เฟล็กซ์มีอยู่ 2 ดีลที่เป็นการลงทุนเพิ่มในประเทศเวียดนาม และการลงทุนร่วมกับบริษัทอาหารขนาดใหญ่ คาดว่าเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแพลนที่วางไว้ สตาร์เฟล็กซ์จะเติบโตมากกว่า 100% ในอีก 3 ปีข้างหน้า
“หากพูดถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมแพ็กเกจจิ้ง โดยภาพรวมถ้าเป็นตลาดระดับกลางหรือล่าง คิดว่าน่าจะยังเหนื่อย เพราะมันเป็นอะไรที่มีการแข่งขันสูงสำหรับธุรกิจที่มี Value Added น้อย หรือคุณภาพงานไม่สูงหรือไม่ค่อยมีนวัตกรรม คงต้องเผชิญกับการแข่งขันอย่างดุเดือด และตลาดคงเป็นประเภท Red Ocean อย่างไรก็ตาม สตาร์เฟล็กซ์อยู่ในตลาด B+ ถึง A ซึ่งเป็นตลาดที่คนต้องการผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ปลอดภัย สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยสตาร์เฟล็กซ์มีนวัตกรรมที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ จะทำให้บริษัทอยู่ในตลาด Blue Ocean ตลอดเวลา และมีการเติบโตยั่งยืนในอนาคต” คุณปรินทร์ธรณ์กล่าวทิ้งท้าย
Selfies labore, leggings cupidatat sunt taxidermy umami fanny pack typewriter hoodie art party voluptate. Listicle meditation paleo, drinking vinegar sint direct trade.
www.themewinter.comMake sure you enter all the required information, indicated by an asterisk (*). HTML code is not allowed.