KMP อัดงบ 700 ลบ. ผุด รง.ใหม่รับปีแพะ
เค.เอ็ม.แพ็กเกจจิ้ง ทุ่มงบ 700 ลบ. เปิดตัวโรงงานใหม่และติดตั้งเครื่องจักรอีก 2 เฟส. หนุนเป็น “Green Energy Factory” และรองรับความต้องการของตลาดในอนาคต ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1,100 ลบ.
คุณพัสกร กมลสุวรรณ Executive Director บริษัท เค.เอ็ม.แพ็กเกจจิ้ง จำกัด หรือ KMP ผู้ผลิตถ้วยกระดาษและบรรจุภัณฑ์กระดาษสำหรับอาหารอันดับ 1 ในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทได้ก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอบางเสาธง โดยเริ่มดำเนินการเมื่อต้นปี 2557 ที่ผ่านมา บนพื้นที่ประมาณ 16 ไร่ ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 400 ล้านบาท ปัจจุบันได้เปิดตัวโรงงานอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา
สำหรับวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างดังกล่าว เนื่องจากพื้นที่ของโรงงานเดิมที่ตั้งอยู่ที่การเคหะบางพลีเต็มแล้วและไม่สามารถขยายได้อีก ดังนั้น ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีโปรเจคหาพื้นที่เพื่อก่อสร้างโรงงานบนพื้นที่ใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมแต่เป็นทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่เดิมเพื่อให้คนงานเดินทางมาทำงานได้อย่างสะดวกและไม่ต้องเปลี่ยนกลุ่มคนงานใหม่ โดยคนงานก็ยังมีรายได้เช่นเดิมทุกประการ
นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร “Green Energy Packaging” โดยบริษัทจะเน้นผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรต่อด้านพลังงานต่างๆ ทั้งหมด หรือเป็น “Green Energy Factory” โดยโรงงานแห่งนี้จะใช้ระบบประหยัดพลังงาน ซึ่งจะประกอบไปด้วย 1. การใช้หลอดไฟ LED ทั้งหมด 2. การติดตั้งระบบแอร์ชิลเลอร์ ซึ่งเป็นระบบปรับอากาศแบบระบบปิดที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ในระดับที่ต้องการและต้นทุนต่ำกว่าแอร์แบบปกติ 3. การติดตั้งระบบแอร์คอมเพรสเซอร์ ซึ่งเป็นระบบลมคุณภาพสูง สามารถวัดระดับความสูญเสียของลมควบคุมพลังงานลมต่างๆ ได้ค่อนข้างดี เนื่องจากบริษัทผลิตถ้วย หรือ Packaging หลากหลายชนิด จึงต้องใช้ลมในการผลิต 4. ลงทุนตัวอาคารทั้งหมดด้วยระบบ Isowall ซึ่งเป็นระบบกำแพงที่ค่อนข้างเหมาะกับการทำธุรกิจด้านอาหารเป็นอย่างมาก 5. มีระบบบำบัดน้ำเสียต่างๆ เนื่องจากในกระบวนการผลิตอาจเกิดน้ำเสีย ดังนั้นจึงเอาน้ำเสียทั้งหมดเข้าสู่ระบบและนำน้ำที่ได้บำบัดเสร็จแล้วไปปลูกต้นไม้และเลี้ยงปลาเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีน้ำเสียออกไปสู่อาคารและชุมชนโดยรอบ
คุณพัสกรกล่าวต่อถึงแผนการดำเนินงานปี 2558 ว่าบริษัทได้มีการลงทุนติดตั้งเครื่องจักรในโรงงงานใหม่เฟสแรกจำนวน 3 เครื่อง ซึ่งจะเป็นเกี่ยวกับระบบพิมพ์และระบบปั้ม โดยนำเข้าเครื่องจักรจากประเทศเยอรมนีและประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ใช้งบประมาณในการดำเนินการ 200 ล้านบาท ขณะนี้เสร็จเรียบร้อยและเดินเครื่องผลิตสินค้าแล้ว
ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการกำลังดำเนินการเฟส 2 อยู่ โดยเฟสนี้จะเน้นเป็น Automatic Forming Machine โดยนำเข้าเครื่องจักรจากประเทศเยอรมนีเป็นหลักเพราะเป็นเครื่องจักรที่มีคุณภาพสูงและมีอายุการใช้งานค่อนข้างยาวนาน โดยจะนำเข้าเครื่องจักรตัวแรกประมาณเดือนเมษายนและหลังจากนั้นจะทยอยติดตั้งไปเรื่อยๆ จนแล้วเสร็จ ใช้งบประมาณในการลงทุน 100 ล้านบาท
“เดิมกำลังการผลิตถ้วยของเรามีกำลังการผลิตอยู่ที่ 3,000,000 ใบ/วัน หลังจากที่ติดตั้งเครื่องจักรเฟสแรกแล้วเสร็จเราสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 7,000,000 ใบ/วัน ซึ่งการเพิ่มกำลังการผลิตในครั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่คาดว่าจะมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นในปีนี้และในอนาคต” คุณพัสกรกล่าว
ด้านยอดขายในปี 2557 ที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาท ส่วนในปี 2558 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ประมาณ 1,100 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มอีกประมาณ 44% ซึ่งคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เพราะมีการวางแผนกลยุทธ์ไว้เป็นอย่างดีเพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัท
คุณพัสกรกล่าวต่อถึงด้านการตลาดว่า เดิมบริษัททำการตลาดในเชิงรับแต่ในปีนี้มีการปรับกลยุทธ์เป็นการตลาดเชิงรุกมากขึ้น โดยจะเปิดออฟฟิศสำนักงานเพิ่มอีก 1 แห่ง สำหรับเซลล์มาร์เก็ตติ้งจะตั้งอยู่ใกล้เมืองมากขึ้น โดยอยู่ติดกับถนนบางนา กม.ที่ 4-6 ข้างตึก Nation เพราะบริษัทจะมองถึงความสะดวกในการเดินทางของลูกค้าเป็นหลักสำหรับการมาติดต่อกับบริษัท
“ถ้าให้ลูกค้าเดินทางมาที่บริษัทจะเป็นการลำบาก จึงตั้งออฟฟิศใหม่สำหรับเซลล์มาร์เก็ตติ้งซึ่งเป็นสถานที่ที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายสำหรับลูกค้า โดยจะตั้งทีมเซลล์ขึ้นมาใหม่อีกทีมสำหรับออฟฟิศใหม่และจะนำทีมเซลล์กลุ่มนี้เพื่อไปเจาะกลุ่มตลาดในเมือง จะสามารถเข้าไปใช้ออฟฟิศได้ประมาณไม่เกินเดือนมีนาคมนี้” คุณพัสกรกล่าว
ส่วนการเจาะกลุ่มลูกค้าของบริษัทสำหรับตลาดบนจะเป็นตลาดที่เป็นแบรนด์พรีเมี่ยม ส่วนตลาดระดับกลางจะเน้นความเป็น Partnerships เพื่อให้สามารถเติบโตไปด้วยกันได้ ส่วนตลาดระดับล่างเน้นผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ ทั่วไปเพื่อที่จะช่วยลดต้นทุนให้กับตลาดระดับล่าง ซึ่งจะพยายามขายผ่านตัวแทนที่บริษัทมี
สำหรับแผนการตลาดในปีนี้จะพยายามเจาะกลุ่มธุรกิจมากขึ้น โดยจะมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ อาทิ นิตยสาร, คลื่นวิทยุ เป็นต้น โดยตั้งงบประมาณในด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ 15-20 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มการตลาดของธุรกิจที่ดำเนินการอยู่มีการแข่งขันสูงขึ้นทุกปี ซึ่งตัวแปรที่มีผลต่อการตลาดในประเทศไทยคงหนีไม่พ้นเรื่องการเมือง
คุณพัสกรกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้รับการรับรองมาตรฐานต่างๆ มากมาย ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นและการันตีคุณภาพได้เป็นอย่างดีให้กับลูกค้า อาทิ FSSC 22000, GMP CODEX, HACCP CODEX, ISO 9001 : 2008, ISO 22000 : 2005,EMS เป็นต้น นอกจากนี้ยังจะดำเนินการให้ได้รับ ISO 14001: 2004 ภายในปีนี้ด้วย
“ปัจจุบันนี้มาตรฐานสิ่งแวดล้อมต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากเราทำเกี่ยวกับกระดาษจึงทำระบบ FSC CoC (Forest Stewardship Council) ซึ่งเป็นระบบการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน โดยเราต้องการให้ความมั่นใจกับลูกค้าว่าผลิตภัณฑ์ของเราที่ผลิตจากกระดาษ ถ้วย และกล่อง จะใช้วัตถุดิบที่มาจากป่าไม้ที่ใดและประเทศใด เพื่อให้มั่นใจว่าเราเน้นคอนเซ็ปต์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” คุณพัสกรกล่าว
คุณพัสกรกล่าวต่อถึงจุดเด่นของบริษัทว่า บริษัทจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน และมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งบริษัทใส่ใจลูกค้าและมีความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยที่ลูกค้าจะได้รับกลับไปในทุกๆ อย่าง และตอบโจทย์ได้ว่าเมื่อใช้สินค้าของบริษัทเท่ากับเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สำหรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ตนมองว่ามีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน ด้านจุดอ่อนของ AEC คือจะทำให้มีคู่แข่งขันจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้น แต่บริษัทมีจุดยืนที่ชัดเจนดังนั้นจึงนำเอาจุดแข็งดังที่กล่าวมาเบื้องต้นไปแข่งขันกับตลาดต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความมั่นใจว่าปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำทางด้าน Food Container รายหนึ่งในเอเชีย ซึ่งขณะนี้ได้มีการดิวงานกับลูกค้าต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจากเดิมบริษัทมียอดขายต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 2-3% ปัจจุบันมียอดขายเพิ่มขึ้นมาเป็น 7% และในปีนี้บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 10% สำหรับลูกค้าต่างประเทศของบริษัท อาทิ สิงคโปร์, จีน, ออสเตรเลีย เป็นต้น
ในส่วนของการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ AEC บริษัทได้มีการพัฒนาเรื่องภาษาให้กับพนักงาน โดยเริ่มจากการจัดคอร์ทฝึกภาษาอังกฤษให้กับพนักงานระดับออฟฟิศทั้งหมด รวมทั้งภาษาอื่นๆ เพื่อรองรับแรงงานต่างด้าวที่จะมาทำงานให้กับบริษัท นอกจากนี้ ยังพยายามสื่อสารให้พนักงานต่างด้าวทราบว่าบริษัทไม่ได้ดูแลแค่เพียงจ้างงานเพียงอย่างเดียวแต่ต้องการให้ทราบว่าบริษัททำอะไรบ้างและดูแลอย่างดีเช่นเดียวกับแรงงานไทย ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานกว่า 400 คน
ด้านกิจกรรม CSR ที่ทำเป็นประจำคือการปลูกป่าโดยพาพนักงานทั้งองค์กรไปปลูกป่าชายเลนร่วมกัน โดยในปีนี้หรืออาจจะเป็นปีหน้าจะขยายผล โดยจะเชิญชวนลูกค้าและซัพพลายเออร์ให้มาร่วมปลูกป่ากับบริษัท ทั้งนี้บริษัทผลิตผลิตภัณฑ์จากป่าดังนั้นจึงต้องสร้างป่าไม้เพื่อมาทดแทน
คุณพัสกรกล่าวทิ้งท้ายเกี่ยวกับหลักการบริหารว่า ตนบริหารงานอย่างเป็นกันเองกับพนักงานทุกคน โดยจะไม่เน้นสั่งงานเพียงอย่างเดียวแต่จะเน้นการเกื้อกูลช่วยเหลือพึ่งพากันมากกว่าและสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานเพื่อให้เกิดบรรยากาศในการทำงานที่ดีเมื่อพนักงานมีความสุขเขาก็จะทำงานให้บริษัทได้อย่างเต็มที่
อนึ่ง บริษัท เค.เอ็ม.แพ็กเกจจิ้ง จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษสำหรับใส่อาหารเป็นบริษัทแห่งแรกในประเทศไทยที่ผลิตถ้วยกระดาษเคลือบ PE ที่เหมาะสำหรับใส่อาหารและเครื่องดื่มจากกระแสนิยมของประเทศแถบตะวันตก และรูปแบบการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบที่ต้องการความสะดวกสบายจึงมีความต้องการบรรจุภัณฑ์สำหรับใส่อาหารและเครื่องดื่มที่สะอาด สะดวกและง่ายต่อการใช้งาน เข้ามามีส่วนช่วยให้ชีวิตของเรานั้นง่ายขึ้น
นับจากวันที่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบันนี้ KMP มีถ้วยกระดาษที่หลากหลายสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าทั้งถ้วยกระดาษสำหรับใส่เครื่องดื่มร้อนและเย็น, ถ้วยไอศกรีม, ถังกระดาษ รวมถึงกล่องและถาดสำหรับบรรจุอาหารขนาดต่างๆ จากความมุ่งมั่นที่จะผลิตผลิตภัณฑ์ให้ได้คุณภาพ KMP ได้มีการปรับปรุงและพัฒนากระบวนการผลิตและบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าและแนวโน้มของตลาดที่เติบโตขึ้นในแต่ละปี
ปัจจุบัน KMP ได้รับการรับรองมาตรฐานตามระบบ ISO 9001: 2000 ซึ่งเป็นสิ่งที่การันตีในเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการบริการที่เป็นเลิศ KMP จึงมุ่งขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดต่างประเทศในหลายๆ ประเทศแถบเอเชีย โดย KMP ยังคงมีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเน้นการให้บริการแบบครบวงจร (One Stop Service) ให้กับตลาดทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนี้ KMP ได้รับรองมาตรฐานตามระบบ ISO 22000 ซึ่งจะเน้นเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GMP และ HACCP ซึ่งเป็นระบบเกี่ยวกับการจัดการบริหารความปลอดภัยด้านอาหารเพื่อให้ลูกค้าได้ใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษที่สะอาดและปลอดภัยต่อสุขภาพในปัจจุบัน KMP เป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับใส่อาหารที่มีความหลากหลายเหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละประเภททั้งเครื่องดื่มร้อน-เย็นไอศกรีม, ป๊อปคอน และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมายด้วยการผลิตที่ได้มาตรฐาน
สำหรับวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต KMP จะเลือกใช้วัตถุดิบทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตจะต้องผ่านมาตรฐานการรับรอง FDA ส่วนวัตถุดิบที่สำคัญที่ใช้ในการผลิต คือ กระดาษ จะนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเป็นกระดาษ VIRGIN PULP จากไม้ป่าปลูกเพื่ออุตสาหกรรมไม่ทำลายธรรมชาติ ทั้งนี้บริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษรักษ์โลก ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อผู้ใช้งานเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดด้วยคุณภาพที่คุมค่าและคุ้มราคาต่อไป