March 19, 2024
then
01Top_Surachai
Issue 035 Apr

Issue 035 Apr (3)

     กรีนโกรทเร่งเครื่องลุยโปรเจคทุ่งกังหันลมเต็มพิกัด

     กรีนโกรทรับบีโอไอหนุนเดินหน้าโครงการทุ่งกังหันลมเลียบชายฝั่งขนาดใหญ่ 10 เมกะวัตต์ มูลค่าการลงทุน 540 ลบ. คาดสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าป้อน กฟภ.ปลายปีหน้า พร้อมประกาศศักยภาพกังหันลมที่สูงที่สุดและมีใบพัดยาวที่สุดในประเทศไทย

        ดร.สุเมธ สุทธภักติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรีน โกรท จำกัด ( บริษัทในเครือ Merchant Group of Companies ) เปิดเผยว่าบริษัทได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอเมื่อวันที่ 25  ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา ในโครงการทุ่งกังหันลมเลียบชายฝั่งทะเล ขนาด 10 เมกะวัตต์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลบางพระ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช บนพื้นที่ประมาณ 150 ไร่ โดยมีมูลค่าโครงการรวม 540 ล้านบาท

         สำหรับสิทธิประโยชน์ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนประกอบด้วยมาตราต่างๆ อาทิ มาตรา 28 ได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรตามที่คณะกรรมการพิจารณา มาตรา 35(1) ให้ได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการลงทุนในอัตราร้อยละห้าสิบของอัตราปกติมีกำหนดห้าปี นับจากวันที่พ้นกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 31 วรรคสอง 7. มาตรา 35(2) ได้รับอนุญาตให้หักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และค่าประปาสองเท่าของค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นระยะเวลาสิบปี นับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการนั้น เป็นต้น

          ส่วนเหตุผลที่เลือกดำเนินโครงการที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่ลมมีศักยภาพสม่ำเสมอ  ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งเพราะว่าก่อนหน้านี้ กระทรวงพลังงานได้จัดทำโครงการนำร่องเมื่อปี 2552 ที่อำเภอหัวไทร ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากโครงการของบริษัทประมาณ 30 กิโลเมตรทำให้สามารถสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านได้อย่างครบถ้วนและบริษัทพอใจผลการทำประชาพิจารณ์เป็นอย่างมากเพราะชาวบ้านให้การตอบรับเป็นอย่างดี

        รวมทั้งในจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียงมีระบบไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพดีมาก โดยมีโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าหลายแห่ง อาทิ โรงไฟฟ้าขนอม เขื่อนรัชประภา จังหวัดสุราษฏร์ธานี เป็นต้น และในปี 2558 คาดว่าโรงไฟฟ้าบางแห่งจะมีการปิดตัวลง อาจทำให้กระแสไฟฟ้าในบริเวณดังกล่าวขาดแคลนหากมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นโครงการของบริษัทจะเป็นอะไหล่สำรองให้แก่ภาครัฐไปโดยปริยายและตนคาดหวังอยากให้พลังงานทดแทนเป็นพลังงานหลักของประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

        “ตนใช้เวลาศึกษาศักยภาพของลมทั่วประเทศก่อนที่จะทำโครงการนี้เป็นเวลากว่า 4 ปี ไม่ใช่แค่เพียงที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเพียงที่เดียว บริเวณที่ค้นหาคือพื้นที่ที่ลมมีศักยภาพสม่ำเสมอมากกว่าพื้นที่ที่มีลมแรงจัดเป็นบางช่วง เราได้ค้นหาและสำรวจทุกภาคทั้งภาคเหนือ อีสาน กลางและใต้ทั้งฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย โดยพบว่าภาคใต้ฝั่งทะเลอ่าวไทยมีศักยภาพลมค่อนข้างสม่ำเสมอตลอดทั้งปีแต่จะมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับฤดูกาลเป็นหลัก จะแตกต่างจากภาคอีสานหรือภาคเหนือซึ่งจะมีลมแรงเป็นช่วงๆ และหายไปเลย ดังนั้นจังหวัดนครศรีธรรมราชจึงเป็นคำตอบที่เหมาะสมมากที่สุดแห่งหนึ่ง” ดร.สุเมธกล่าว

        ด้านความคืบหน้าของโครงการ ถือว่าคืบหน้าไปมาก ทั้งในส่วนของการออกแบบฐานราก การจัดทดสอบฝังตำแหน่งกังหัน และการจัดสรรที่ดินเพื่อเตรียมก่อสร้าง โดยบริษัทจะเน้นสร้างให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณรอบข้าง และบริเวณที่เหลือบริษัทจะสร้างเป็นสวนสาธารณะให้ชาวบ้านได้มีโอกาสเข้ามาใช้ประโยชน์ เช่น การวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้า เป็นต้น

        ทั้งนี้หากได้รับใบอนุญาต รง.4 เ รียบร้อยแล้ว คาดว่าโครงการจะเริ่มจ่ายไฟได้ประมาณปลายปีหน้า ซึ่งจะเร็วกว่ากำหนดการที่ทางการไฟฟ้าได้ตั้งเป้าไว้กับบริษัทคือในปี 2558 สำหรับกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดจะจำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค  (กฟภ.)100%   โดยโครงการของบริษัทนับเป็นโครงการกังหันลมขนาดใหญ่ตั้งแต่ 1 เมกกะวัตต์เป็นต้นไปของภาคเอกชนรายแรกของประเทศไทยที่จำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ กฟภ.

        นอกจากนี้บริษัทได้สั่งซื้อกังหันลมเรียบร้อยแล้ว โดยจะใช้ระบบและเทคโนโลยีของประเทศเยอรมันจำนวนกังหันทั้งหมด 5 ต้น กำลังการผลิตต้นละ 2 เมกะวัตต์ โดยมีกำหนดการรับมอบกังหันลมจากผู้ผลิต  ในราวเดือนเมษายน 2557

        สำหรับกังหันลมจะมีหลายขนาดและแต่ละขนาดจะมีความแตกต่างกันซึ่งจะขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่แต่ละบริษัทกำหนด โดยโครงการของบริษัทเนื่องจากตนจบเฉพาะทางด้านกังหันลมจากเดนมาร์คโดยตรง ดังนั้นตนจึงเลือกที่จะออกแบบกังหันเองร่วมกับบริษัทผู้ผลิต ให้เหมาะสมกับพื้นที่โครงการมากที่สุดและจะไม่ซื้อกังหันลมแบบสำเร็จรูป โดยปกติกังหันลมจะมีความสูงของลำต้นประมาณ 80 เมตร แต่ตนได้ขยับขึ้นมาเป็น 100 เมตร ซึ่งจะทำให้รับลมได้แรงกว่า เพราะความขรุขระของพื้นผิวไม่มีอะไรมาบดบัง ทั้งนี้จากการสำรวจเก็บวัดค่าลมพบว่าลมที่ความสูงที่ 100 เมตรสามารถรับลมได้ดีกว่า ส่วนใบพัดปกติจะมีความยาวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 35-40 เมตร แต่ตนจะใช้ใบพัดที่มีขนาดความยาว 55 เมตร ซึ่งส่งผลให้กังหันลมของบริษัทสูงที่สุดและมีใบพัดยาวที่สุดในประเทศไทย

        **ส่วนรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้านั้น บริษัทได้กำหนดอัตราผลกำไรตอบแทนซึ่งคาดว่าจะสามารถคืนทุนกับสถาบันการเงินได้ภายในระยะเวลา 6 ปี และมั่นใจว่าจะสามารถคืนทุนได้ในระยะเวลาดังกล่าวเนื่องจากโครงการของบริษัทมุ่งที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับสถาบันการเงิน โดยจะนำรายได้จากโครงการดังกล่าวส่งคืนให้เร็วที่สุด ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่คืนทุนได้เร็วมากเมื่อเทียบกับปกติที่มีการกำหนดให้มีการคืนทุนก่อนค่าแอดเดอร์จะหมดวาระคือ 10 ปี

        “โครงการของเราเป็นโครงการกังหันลมที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลแห่งแรกที่ดำเนินการโดยภาคเอกชนเราไม่ได้คาดหวังผลกำไรจากโครงการนี้มากมาย แต่ต้องการทำให้เป็นต้นแบบเพื่อให้ชาวบ้านกับโครงการประเภทดังกล่าวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขอย่างยั่งยืน และจากการที่โครงการของเราตั้งอยู่ในบริเวณที่มีการกัดเซาะสูง ดังนั้นเราจึงคาดหวังว่าระบบฐานรากที่เรานำมาใช้ในโครงการนี้ซึ่งเป็นระบบที่พิเศษมาก โดยในระยะยาวจะสามารถนำมาปรับเป็นแนวป้องกันไม่ให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งได้อีกทางหนึ่ง” ดร.สุเมธกล่าว

        มอเตอร์เวย์ ทุ่มงบกว่า 500 ลบ. เปิดโชว์รูมคุณภาพแห่งใหม่

        มอเตอร์เวย์ อัดเงินลงทุนกว่า 500 ลบ. บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่  เปิดตัวโชว์รูมแห่งศูนย์บริการตรวจเช็คสภาพแห่งใหม่ เล็งเป้าเติบโต 20% ในทุกๆ ปี  ฟุ้งเป็นไปตามเป้าหมายรับรู้รายได้ 1,200 – 1,500 ลบ./ปี

        คุณสันติ   อภิสิทธิ์ภูวกุล  กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอเตอร์เวย์ (ไทยแลนด์) จำกัด  เปิดเผยถึงรายละเอียดเกี่ยวกับโชว์รูม MOTORWAY ว่าเริ่มเปิดให้บริการเมื่อช่วงปลายปี 2555  ที่ผ่านมา  โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างโชว์รูมและศูนย์บริการตรวจเช็คสภาพกว่า 500  ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ จึงทำให้มีความพร้อมทั้งด้านพื้นที่โชว์รูมและศูนย์บริการที่กว้างขวาง ส่งผลให้ในอนาคตสามารถขยายธุรกิจให้ครอบคลุมได้มากขึ้น รวมทั้งสามารถรองรับปริมาณรถยนต์ที่จะนำเข้ามาเพิ่มเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกรถยนต์คุณภาพที่มีความหลากหลาย

        ทั้งนี้บริษัทสามารถการันตีในด้านคุณภาพมาตรฐานได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นผู้มีประสบการณ์ในด้านธุรกิจรถยนต์กว่า 30 ปี  ด้วยการคัดสรรรถยนต์พรีเมี่ยมมือสองคุณภาพดี โดยมีทีมงานมืออาชีพที่เชี่ยวชาญและคร่ำหวอดในวงการรถยนต์ จึงมั่นใจได้ว่ารถยนต์ที่คัดสรรมาจะตรงใจลูกค้าอีกทั้งยังสร้างความมั่นใจในคุณภาพรถด้วยศูนย์บริการตรวจเช็คสภาพพร้อมใช้งานมาตรฐาน ISO โดยทีมช่างที่พร้อมช่วยเหลือและให้คำแนะนำทั้งก่อนและหลังการขายตลอดระยะเวลาการทำงานซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง

        คุณสันติกล่าวต่อถึงตั้งเป้าการเติบโตของบริษัทว่าจะต้องมีการเติบโต 20%  ในทุกๆ ปี และรับรู้รายได้ประมาณ 100 – 150  ล้านบาท/เดือนหรือ 1,200 – 1,500  ล้านบาท/ปี โดยคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เนื่องจากมีกลยุทธ์ที่รองรับไว้อย่างดีอยู่แล้ว อาทิ มีทีมขายที่มีความสามารถและเป็นมืออาชีพ เป็นต้น  

        ส่วนกลยุทธ์ทางการตลาด บริษัทได้มีการปรับปรุงการบริการและคุณภาพมาตรฐานให้ดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้รับการบริการที่ดีและมากที่สุดเท่าที่บริษัทจะดำเนินการได้ รวมทั้งมีการจัดโปรโมชั่นให้กับลูกค้าโดยการลดราคาให้เพื่อให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุดกลับไปเมื่อมาใช้บริการที่โชว์รูม MOTORWAY

        คุณสันติกล่าวต่อว่าด้วยความสวยงามทันสมัยของโชว์รูม MOTORWAY บวกกับประสบการณ์อันยาวนานทำให้หลังจากย้ายมาเปิดบริการที่นี่ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก โดยมีลูกค้ามากกว่าเดิมถึง 50% ขณะนี้โชว์รูมมีรถยนต์มือสองระดับพรีเมี่ยม เกรด AAA หลายยี่ห้อให้ลูกค้าเลือกกว่า 200 คัน อาทิ JAGUAR, MERCEDES-BENZ, BMW , VOLVO, AUDI, MINI COOPER, LEXUS, TOYOTA, HONDA, NISSAN เป็นต้น

        “ราคารถยนต์เริ่มต้นตั้งแต่ 8 แสนบาท ถึง 8 ล้านบาท นอกจากนี้หากลูกค้าท่านใดที่มีแบบรถในใจอยู่แล้วก็สามารถหารถตามความต้องการของลูกค้ามาให้ได้เช่นกัน โดยปีนี้เราตั้งเป้าหมายยอดขายตลอดปีนี้ไว้ที่ 800 คัน และในอนาคตคาดว่าจะขยายสาขาออกไปยังปริมณฑลและหัวเมืองใหญ่ๆ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอีก 25% ต่อปี” คุณสันติกล่าว

        สำหรับสิ่งที่อยากฝากถึงลูกค้าคุณสันติกล่าวว่าสำหรับท่านที่ยังไม่เคยมาใช้บริการกับทางโชว์รูม MOTORWAY อยากให้ลองเข้ามาใช้บริการของโชว์รูมสักครั้ง โดยจะทราบได้ทันทีว่าเรามีการบริการที่ดีและได้มาตรฐานอย่างยิ่ง ซึ่งสามารถการรันตีได้เป็นอย่างดีในด้านคุณภาพมาตรฐานและการบริการที่ได้รับการยอมรับและความเชื่อมั่นที่ดีจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องจากมีประสบการณ์ในด้านธุรกิจรถยนต์กว่า 3 ทศวรรษ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าด้วยดีเสมอมาและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความเชื่อมั่นและการตอบรับที่ดีอย่างนี้ตลอดไป

ประวัติความเป็นมา

        กว่า 30 ปี ที่บริษัทมีอุดมคติทำให้ลูกค้าทุกคนพึงพอใจในทุกด้าน คุ้มค่าเงิน และเปี่ยมด้วยคุณภาพสินค้า ทีมงาน มืออาชีพเปี่ยมด้วยคุณธรรม จริยธรรมด้วยทางโชว์รูมมีรถให้ลูกค้าเลือกมากมาย ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อกว่า 200 คัน เกรด AAA ด้วยการคัดสรรรถทุกคันด้วยความมาตรฐาน อย่างมืออาชีพพร้อมศูนย์บริการตรวจเช็คสภาพพร้อมใช้งานมาตรฐาน ISO ไม่เคยทำให้ลูกค้าผิดหวังในด้านการบริการ และการซื้อขาย

        ทั้งนี้บริษัทยึดถือปณิธานว่า "สุขกายที่ได้พบ อุ่นใจเมื่อใช้บริการ " โดยโชว์รูมตั้งอยู่บนถนน ประดิษฐมณูธรรม เอกมัย - รามอินทรา เนื้อที่กว้างขวาง เดินทางสะดวกและขอขอบคุณผู้มีอุปการคุณทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นและใช้บริการ  Motorway มานานกว่า 30 ปี  บริษัทจึงขอขอบคุณลูกค้าทุกท่าน ด้วยการคัดสรรคุณภาพรถที่ดีที่สุด ราคายุติธรรมและโปรโมชั่นอื่นๆ อีกมากมาย

 

โตว่องไวประกาศความสำเร็จ 2  ทศวรรษ

โตว่องไวครบรอบ 20 ปีแห่งความสำเร็จ เปิดโรงงานรถตอกเสาเข็มแห่งที่ 2 โชว์นวัตกรรมใหม่รุกตลาด AEC ตั้งเป้ายอดขายปี 2556 ทะลุ  400 ลบ.

 คุณไพศาล  ว่องไวกลยุทธ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตว่องไว จำกัด ผู้ผลิตรถตอกเสาเข็มสิทธิบัตรแรกของโลก เปิดเผยถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดตัวโรงงานแห่งที่ 2 ว่าได้ดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ต้นปี  2555 ที่ผ่านมา มูลค่าโครงการรวม 30  ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้างโรงงานและเครื่องจักรซึ่งไม่รวมราคาที่ดิน ปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จตั้งแต่ต้นปี 2556 แล้ว

โดยโรงงานแห่งที่ 2 ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับโรงงานแห่งแรก มีพื้นที่ใช้สอยทั้งสิ้น 3,000 ตร.ม. เน้นการใช้เทคโนโลยีช่วยผลิตเพื่อให้เกิดความทันสมัยและรวดเร็ว แต่ยังคงผลิตรถใน 2 รูปแบบเช่นเดียวกับโรงงานแห่งแรก โดยพื้นที่ใช้สอยถูกแบ่งเป็นส่วนต่างๆ คือส่วนสำนักงาน ห้องทดสอบชิ้นส่วนและอะไหล่ ส่วนการประกอบรถ ห้องพ่นสี แผนกตรวจสอบมาตรฐาน และห้องประชุมเพื่อใช้ในการรับรองลูกค้าและผู้ที่สนใจเยี่ยมชมการดำเนินงานของบริษัท

ทั้งนี้โรงงานแห่งใหม่จะมีกำลังการผลิตมาตรฐานปีละ 250  คัน เริ่มทำการผลิตได้เมื่อต้นปีที่ผ่านมาแต่ในช่วงแรกจะทำการผลิตเพียงปีละ 100 คัน โดยคาดว่าจะสามารถผลิตได้ตามมาตรฐานในปี 2558 เพื่อรองรับ AEC นอกจากนี้โรงงานแห่งใหม่ยังเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมการผลิตได้ เพราะโตว่องไวเป็นผู้ผลิตรถตอกเสาเข็มแห่งแรกที่จดสิทธิบัตรถูกต้องและเป็นนวัตกรรมของคนไทย ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับความสนใจมีผู้เยี่ยมเข้าชมการผลิตอย่างต่อเนื่อง

คุณไพศาล กล่าวต่อว่าสำหรับประโยชน์ที่ได้รับหลังจากก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 แล้วเสร็จบริษัทจะมีกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของตลาดและลูกค้า รวมทั้งพัฒนาประสิทธิภาพของนวัตกรรมให้รองรับการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดด้วย ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าในเดือนพฤษภาคมจะประกอบรถให้ได้ 8 คัน/เดือน โดยนวัตกรรมใหม่ของบริษัทจะใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยรองรับการทำงานซึ่งจะดีกว่าการใช้แรงงานของคนเนื่องจากมีการใช้เวลาในการประกอบรถได้รวดเร็วและแม่นยำกว่าโดยใช้เวลาในการประกอบรถเพียง 5 นาที และขนย้ายได้รวดเร็ว

สำหรับโรงงานผลิตรถตอกเสาเข็มของโตว่องไวแห่งแรกเป็นโรงงานบนพื้นที่ 1,200 ตร.ม. โดยมีทั้งส่วนสำนักงานและการผลิตอยู่ที่เดียวกัน สามารถผลิตรถตอกเสาเข็มได้ปีละประมาณ 50  คัน เน้นการผลิต 2 รูปแบบ โดยแบบแรกเป็นการผลิตรถตอกเสาเข็มตามมาตรฐานที่มีอยู่ ส่วนแบบที่ 2 เป็นการผลิตรถตอกเสาเข็มที่เป็นคำสั่งซื้อพิเศษ ซึ่งจะมีรายละเอียดที่ลูกค้าต้องการเพิ่มเติมจากรถตอกเสาเข็มตามมาตรฐานที่มีอยู่

ส่วนแผนการลงทุนในปี 2556  บริษัทได้มีการแตกไลน์ธุรกิจหลายประเภท ดังนี้ 1. ปั๊มแก๊ส NGV 8 ปั๊มทั่วประเทศ  2. บ้านจัดสรร มูลค่าโครงการรวมประมาณ 63 ล้านบาท  3. โรงไฟฟ้าชีวภาพ โดยเริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มูลค่าโครงการรวม 45 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2556  4. โครงการสุสานและฌาปนสถาน ซึ่งปัจจุบันได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินการได้แล้ว

คุณไพศาล กล่าวต่อว่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาบริษัทได้จัดงาน “20 ปีโตว่องไว ก้าวไกลไปด้วยกัน” ซึ่งเป็นการจัดงานเพื่อฉลองการดำเนินธุรกิจเป็นปีที่ 20 ของบริษัท โดยมีสาระสำคัญ 4 ประการคือ ประการแรก เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปีบริษัท  ประการที่ 2 คือการเปิดโรงงานแห่งใหม่ซึ่งเป็นโรงงานแห่งที่ 2 บนพื้นที่กว่า 3,000 ตร.ม. ซึ่งสามารถผลิตรถตอกเสาเข็มเคลื่อนที่ได้มากกว่า 200 คัน/ปี ทั้งนี้เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558

ประการที่ 3 คือการแนะนำรถตอกเสาเข็มรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูงกว่ารถตอกเสาเข็มรุ่นเดิม และประการสุดท้ายเป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่คือหมวกตอกเสาเข็มที่บริษัทพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการทำงานของรถตอกเสาเข็มให้มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม โดยตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ประมาณ 400 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 1,000  ล้านบาท ในปี 2558 หรือเท่ากับการผลิตรถตอกเสาเข็มประเภทต่างๆ ประมาณ 250 คัน/ปี

“ในปี 2535  โตว่องไว เริ่มผลิตรถตอกเสาเข็มคันแรก โดยพัฒนาจากรถ 6 ล้อยางขนาดเล็ก ด้วยการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมของโตว่องไวเอง ด้วยแนวคิดเริ่มต้นที่เกิดจากความต้องการพัฒนาการก่อสร้างฐานรากของสิ่งปลูกต่างๆ ที่ต้องใช้การตอกเสาเข็มด้วยปั่นจั่นสานแบบเดิมๆ ซึ่งมีข้อเสียหลายประการ จากวันนั้นถึงวันนี้ โตว่องไว ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านวัตกรรมที่บริษัทคิดค้นขึ้น สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง การก่อสร้างฐานรากสิ่งปลูกสร้างด้วยรถตอกเสาเข็มของโตว่องไวได้รับการรับรองว่ามีมาตรฐานและสามารถตรวจสอบคุณภาพได้ ที่สำคัญที่สุดทำให้งานก่อสร้างนั่นดำเนินการได้อย่างรวดเร็วขึ้น” คุณไพศาล กล่าว

คุณไพศาล กล่าวต่อว่าปัจจุบันโตว่องไวผลิตรถตอกเสาเข็มจำหน่ายให้ผู้ประกอบการในวงการก่อสร้างไปแล้วมากกว่า 300 คัน โดยผลิตรถตอกเสาเข็มมากกว่า 6 แบบ ไม่ว่าจะเป็นรถตอกเสาเข็ม 6 ล้อแบบล้อยาง รถตอกเสาเข็ม 8 ล้อแบบล้อยาง รถตอกเสาเข็ม 10 ล้อแบบล้อยาง รถตอกเสาเข็ม 12 ล้อแบบล้อยาง รถตอกเสาเข็มตีนตะขาบแบบตรงและรถตอกเสาเข็มตีนตะขาบแบบสวิง ฯลฯ

สำหรับรถตอกเสาเข็มรุ่นใหม่ที่บริษัทได้ทำการเปิดตัวคือรถตอกเสาเข็มแบบกว้านมือ คือ ใช้มือในการควบคุมการทำงานโดยไม่ต้องใช้เท้าช่วย โดยมีคุณสมบัติเด่น คือ สามารถทำงานง่ายกว่ารถตอกเสาเข็มรุ่นเดิม นอกจากนี้ยังทำงานได้เร็วรวดขึ้นสามารถตอกเสาเข็มขนาดหน้าตัด 60 ซม. ซึ่งเป็นเสาเข็มที่ใหญ่ที่สุดได้เสร็จภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที  จึงเหมาะสำหรับงานก่อสร้างฐานรากของสิ่งปลูกสร้างได้ทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักอาศัยขนาดใหญ่ โรงพยาบาล โรงเรียน มินิมอลล์ ห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียม ฯลฯ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป นอกจากนี้โตว่องไวยังได้แนะนำหมวกตอกเสาเข็มนวัตกรรมการผลิตแบบชิ้นเดียว ไร้รอยต่อ ซึ่งมีจุดเด่นด้านความแข็งแรงทนทาน สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า

โดยมีจำนวน 6 ขนาด ได้แก่ขนาด 18 ซม, ขนาด 22 ซม, ขนาด 26 ซม, ขนาด 30 ซม, ขนาด 35 ซม. และขนาด 40 ซม. ซึ่งหมวกตอกเสาเข็มโตว่องไวของแท้จะมีตราสัญลักษณ์ของโตว่องไวติดอยู่ที่หมวกทุกใบเพื่อป้องกันการปลอมหรือลอกเลียนแบบ ส่วนแผนการตลาดที่จะใช้แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่นั้นบริษัทจะเน้นกลยุทธ์แบบเจาะตลาดแบบเฉพาะกลุ่ม โดยจะแนะนำผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดโดยตรงและเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ทดสอบผลิตภัณฑ์การตัดสินใจซื้อ

อนึ่งบริษัท โตว่องไว จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตรถตอกเสาเข็ม และรับบริการตอกเสาเข็มทั้งใน และต่างประเทศ โดยให้บริการตอกเสาเข็มทุกรูปแบบ ตั้งแต่ 12-40 ซม. สูงตั้งแต่ 1-14 เมตร และรับผลิตรถตอกเสาเข็มตั้งแต่ 6-12 ล้อ และรถปั้นจั่นตีนตะขาบด้วย

บริษัทยังเป็นศูนย์รวมรถตอกเสาเข็มแห่งประเทศไทยที่มีเครือข่ายสามารถให้บริการได้ทั่วประเทศ และด้วยประสบการณ์การทำงานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537  เราไม่เคยทิ้งงานที่ยาก แต่จะมุ่งมั่นหาวิธีเพื่อให้ท่านได้รับรากฐานที่มีคุณภาพมากที่สุดสิ่งทั้งหมดนี้ ทำให้โตว่องไวเป็นผู้นำในวงการตอกเสาเข็มจนถึงปัจจุบันนี้

Page Visitor

010445665
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
2794
3285
9299
78057
159167
10445665
Your IP: 54.205.179.155
2024-03-19 10:58
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.